ความหมายการออกแบบการสอน
- การออกแบบการสอน หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงจากหลักการเรียนรู้และการสอนมาสู่การวางแผนสำหรับการ
จัดการเรียนการสอนและกิจกรรมการเรียน (Smit & Ragan, 1999)
- การออกแบบการสอน หมายถึง การนำวิธีระบบมาประยุกต์ใช้กำหนดรูปแบบ
ของการวางแผนจัดการเรียน การสอน ซึ่งในการวางแผนจัดการเรียนการสอนแต่ละครั้ง
ต้องพิจารณาที่ปัจจัย Input กระบวนการ
Process ผลผลิต Output และผลกระทบ
Impact (ไพฑูรย์ ปลอดอ่อน)
สรุป
- การออกแบบการสอน
หมายถึง หลักการหรือศาสตร์ในการกำหนดรายละเอียด ของรายการต่าง ๆ
อย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนา ประเมิน และทำนุบำรุง รักษาให้คงไว้ของสภาวะต่าง
ๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ต่อไป
ความเป็นมาของการออกแบบการสอน
ธอร์นไดค์ ( Edward L. Thorndike,1898 )พัฒนาทฤษฎีการเรียนรู้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
โดยเริ่มทดลองกับสัตว์ “อินทรีย์สร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้า
(Stimulus) และการสนองตอบ (Response)”
แฟรงคลิน (Franklin Bobbilt,1920-30)พัฒนาการสอนรายบุคคล“เป้าหมายของโรงเรียน ควรมาจากพื้นฐานการวิเคราะห์ทักษะที่จำเป็น
สำหรับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ”
ไทเลอร์ (Ralph W.
Tyler,1930)ปรับปรุงกระบวนการการเขียนวัตถุประสงค์การสอน“วัตถุประสงค์การ สอนเชิงพฤติกรรม (Student Behaviors)ประเมินเพื่อปรับปรุง”
เบนจามิน บลูม ( Benjamin Bloom,1956 ) จำแนกวัตถุประสงค์ทางการศึกษา
เป็นลำดับขั้นที่ชัดเจน (Taxonomyo fEducational Objectives)“ใช้ทั่วไปในกลุ่มสาขาศึกษาศาสตร์จนถึงปัจจุบัน”
บี เอฟ สกินเนอร์ (B. F. Skinner,1950-60) เสนอแนวทฤษฎีการวางเงื่อนไข (Operant Conditioning) ซึ่งมีรากฐานมาจากแนวคิดของ ธอร์นไดค์ “เน้นการเสริมแรงในการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง”
“แนวคิดของ
Skinner เป็นที่มาของ วิธีระบบ (System
Approach) ในการออกแบบ (Design) การพัฒนา
(Development) การประเมิน (Evaluation) และการปรับปรุง (Revise)”
โรเบิร์ต กาเย ( Robert Gagne,1960)นำเสนอแนวคิดทางพุทธิปัญญา(Cognitive
Theories) มาใช้ในการออกแบบการสอน“ศึกษาความเข้าใจ
(Understand) ที่เกิดขึ้นในจิตใจ (Mind)”“ปลายปี ค.ศ. 1960 การออกแบบการสอนได้รับการยอมรับว่าเป็นสาขาวิชา”
เกิดคำว่า “Instructional System” ค.ศ. 1970 ทฤษฎีการเรียนรู้ การประมวลสารสนเทศ (Information
Processing) มีบทบาทอย่างมาก ปัจจุบันทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์
(Constructivis กำลังได้รับความสนใจ”
พัฒนาการออกแบบการสอน
1.
ID1 พื้นฐานมาจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม
2.
ID2 พื้นฐานมาจากกลุ่มพุทธิปัญญานิยม
3.
พื้นฐานจาก Constructivism
การออกแบบการสอนในยุคที่ 1
ID1 พื้นฐานมาจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม ตามแนวคิดนี้การเรียนรู้
หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งเป็นผลอันเนื่องมาจากประสบการณ์ที่คนเรา มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม หรือจากการฝึกหัด การออกแบบการสอนในยุคแรก (ID1)ที่พบในปัจจุบัน
ได้แก่ บทเรียนโปรแกรม ชุดการสอน
และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น
ลักษณะสำคัญของการออกแบบการสอนในยุค ID1
1. ระบุวัตถุประสงค์การสอนที่ชัดเจน
2. การสอนในแต่ละขั้นตอนนำไปสู่การเรียนแบบรอบรู้ในหน่วยการสอนรวม
3. ให้ผู้เรียนได้เรียนตามอัตราการเรียนรู้ของตนเอง
4. ดำเนินการไปตามโปรแกรมหรือลำดับขั้นที่กำหนดไว้
การออกแบบการสอนในยุคที่ 2
ID2 พื้นฐานมาจากกลุ่มพุทธิปัญญานิยม ตามแนวคิดนี้ การเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้เรียนเกิดจากการจัดระเบียบ
ขยายความคิด และจัดหมวดหมู่ของความจำลง สู่โครงสร้างทางปัญญา
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับกระบวน การคิด
การให้เหตุผลของผู้เรียนซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าภายนอกกับสิ่งเร้า ภายใน
คือ ส่งผ่านสื่อไปยังความรู้ความเข้าใจ กระบวนการรู้ การคิดที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้
การออกแบบการสอนในยุคที่ 3
พื้นฐานจาก คอนสตัคติวิสต์ ( Constructivism )ตามแนวคิดนี้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางโดยการสร้างความรู้จะเกิดขึ้นเมื่อ
ผู้เรียนได้สร้างสิ่งที่แทนความรู้ความจำในระยะทำงานอย่างตื่นตัวพื้นฐานจาก คอนสตัคติวิสต์
( Constructivism )ครูผู้สอนเป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทางหรือโมเดลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเรียนรู้ในยุคนี้จะเน้นการพัฒนากระบวนการคิดอย่างอิสระให้ผู้เรียน
สร้างความรู้ได้ ด้วยตนเอง ตลอดจนเรียนรู้จากการปฏิบัติของตนเองโดยวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย
สามารถคิดแบบองค์รวมได้พัฒนาการออกแบบการสอน
การใช้วิธีระบบในการฝึกทหารของกองทัพบกอเมริกันช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 เชื่อว่า “การเรียนรู้ใด ๆ
ไม่ควรเกิดอย่างบังเอิญ แต่ควรเกิดจากการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
มีกระบวนการขั้นตอน และสามารถวัดผลจากการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน”การออกแบบการเรียนการสอนต้อง อาศัยความรู้ศาสตร์
สาขา ต่าง ๆ ได้แก่ จิตวิทยาการศึกษา
การสื่อความหมาย การศึกษาศาสตร์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
แนวคิดของ ADDIE
1. ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis)
- กำหนดหัวเรื่องและวัตถุประสงค์ทั่วไป
- วิเคราะห์ผู้เรียน
- วิเคราะห์วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
- วิเคราะห์เนื้อหา
แนวคิดของ ADDIE
2. ขั้นการออกแบบ (Design Phase)
- การออกแบบบทเรียน
- การออกแบบผังงาน (Flowchart)
-
การออกแบบบทดำเนินเรื่อง (Storyboard)
-
การออกแบบหน้าจอภาพ (Screen Design)
แนวคิดของ ADDIE
3. ขั้นพัฒนา (Development)
- การเตรียมการ
- การสร้างบทเรียน
- การสร้างเอกสารประกอบการเรียน
แนวคิดของ ADDIE
4.ขั้นการนำไปทดลอง
ใช้ (Imprementation)การนำบทเรียนไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
เพื่อตรวจสอบ ความเหมาะสมของบทเรียนในขั้นต้น
ปรับปรุงแก้ไขก่อนนำไปใช้ กับกลุ่มเป้าหมายจริง
เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียน และนำไป
ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมและประสิทธิภาพ
แนวคิดของ ADDIE
5. ขั้นการประเมินผล (Evaluation)การประเมินผล คือ การเปรียบเทียบกับการเรียน การสอนแบบปกติ
โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม เรียนด้วยบทเรียน
ที่สร้างขึ้น 1 กลุ่ม และเรียนด้วยการสอนปกติอีก
1กลุ่มหลังจากนั้น จึงให้ผู้เรียนทั้งสองกลุ่ม
ทำแบบทดสอบชุดเดียวกัน และแปลผล คะแนนที่ได้ สรุปเป็นประสิทธิภาพของบทเรียน
แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์
1. การสร้างการเรียนรู้ (Learning
Constructed) ความรู้จะถูกสร้างจากประสบการณ์การเรียนรู้เป็น กระบวนการสร้างสิ่งแทนความรู้ในสมองที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างขึ้น
2. การแปลความหมายของแต่ละคน(Interpretationpersonal)
การเรียนรู้เป็นการแปลความหมายตามสภาพจริง
หรือประสบการณ์ของแต่ละคน
3. การเรียนรู้เกิดจาการลงมือกระทำ (Learning active) การเรียนรู้เป็นการที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำซึ่งเป็นการสร้างความหมายโดย
อาศัยพื้นฐานของประสบการณ์
4. การเรียนรู้ที่เกิดจากการร่วมมือ (Learning
Collaborative) เกิดจากแนวคิดที่หลากหลายในกลุ่ม และปรับเปลี่ยนสร้างเป็นสิ่งแทนความรู้ในสมอง
ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกับคนอื่นจากการร่วมแสดงแนวคิดที่หลากหลายที่จะ ทำให้เกิดปัญหาเฉพาะนำไปสู่การเลือกจุดหรือสถานการณ์ที่ทุกคนยอมรับใน
ระหว่างกัน"
5. การเรียนรู้ที่เหมาะสม (Learning Situated) ควรเกิดขึ้นในสภาพชั้นเรียนจริง (Situated or anchored) "
การเรียนรู้ต้องเหมาะสมกับบริบทของสภาพจริง หรือสะท้อนบริบทที่เป็นสภาพจริง"
6. การทดสอบเชิงการบูรณาการ (Testing Integrated) การทดสอบควรจะเป็นการบูรณาการเข้ากับภารกิจการเรียน (Task) ไม่ควรเป็นกิจกรรมที่แยกออกจากบริบท การเรียนรู้ "
การวัดการเรียนรู้ เป็นวิธีการที่ผู้เรียนใช้โครงสร้างความรู้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้
เกิดการคิดในเนื้อหาการเรียนรู้นั้น ๆ "
แนวคิดของโรเบิร์ต
กาเย่ (Robert Gange')
1. เร่งเร้าความสนใจ (Gain
Attention)
2. บอกวัตถุประสงค์ (Specify Objective)
3. ทบทวนความรู้เดิม(ActivatePriorKnoeledge)
4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present NewInformation)
5. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning)
6. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response)
7. ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback)
8. ทดสอบความรู้ใหม่ (Assess Performance)
9. สรุปและนำไปใช้ (Review and Transfer)
เร่งเร้าความสนใจ
(Gain Attention)
กระตุ้นหรือเร้าให้ผู้เรียนเกิดความสนใจกับบทเรียนและเนื้อหาที่จะเรียน
การเร้าความสนใจผู้เรียนนี้อาจทำได้โดย การจัดสภาพแวดล้อมให้ดึงดูดความสนใจ เช่นการใช้ภาพกราฟิก
ภาพเคลื่อนไหว และการใช้เสียงประกอบบทเรียน
บอกวัตถุประสงค์
(Specify Objective)
การบอกให้ผู้เรียนทราบถึงจุดประสงค์ของบทเรียนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนของตนเองได้โดยการเลือกศึกษาเนื้อหาที่ต้อง
การศึกษาได้เอง ดังนั้นการที่ผู้เรียนได้ทราบถึงจุดประสงค์ของบทเรียนล่วงหน้าทำให้ผู้เรียน
สามารถมุ่งความสนใจไปที่เนื้อหาบทเรียนที่เกี่ยวข้อง
ทบทวนความรู้เดิม
(Activate Prior Knoeledge)
การทบทวนความรู้เดิมช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาใหม่ได้รวด
เร็วยิ่งขึ้น รูปแบบการทบทวนความรู้เดิมในบทเรียนบนเว็บทำได้หลายวิธีเช่น กิจกรรมการถาม-ตอบคำถาม
หรือการแบ่งกลุ่มให้ผู้เรียนอภิปรายหรือสรุปเนื้อหาที่ได้เคยเรียนมาแล้ว เป็นต้น
นำเสนอเนื้อหาใหม่
(Present New
Information)
การนำเสนอบทเรียนสามารถทำได้หลายรูปแบบด้วยกันคือ การนำเสนอด้วยข้อความ
รูปภาพ เสียง หรือแม้กระทั่งวีดิทัศน์ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ผู้สอนควรให้ความสำคัญก็คือผู้เรียน
ผู้สอนควรพิจารณาลักษณะของผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อให้การนำเสนอบทเรียนเหมาะ สมกับผู้เรียนมากที่สุด
ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้
(Guide Learning)
การชี้แนวทางการเรียนรู้หมายถึงการชี้แนะให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้
เรียนใหม่ผสมผสานกับความรู้เก่าที่เคยได้เรียนไปแล้ว เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็วและมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน
(Elicit Response)
ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน นักการศึกษาต่างทราบดีว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นจากการที่ผู้เรียนได้มีโอกาสมี
ส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนโดยตรง ดังนั้น ในการจัดการเรียนการสอน จึงควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน
ให้ข้อมูลย้อนกลับ
(Provide Feedback)
การที่ผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนได้โดยตรงอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากบทบาทของผู้สอนนั้น เปลี่ยนจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แต่เพียงผู้เดียว
มาเป็นผู้ให้คำแนะนำและช่วยกำกับการเรียนของผู้เรียนรายบุคคล ทำให้ผู้สอนสามารถติดตามก้าวหน้าและสามารถให้ผลย้อนกลับแก่ผู้เรียนแต่ละคน
ได้ด้วยความสะดวก
ทดสอบความรู้ใหม่
(Assess Performance)
การทดสอบความรู้ใหม่หลังจากศึกษาบทเรียน เรียกว่า การทดสอบหลังบทเรียน
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดสอบความรู้ของตนเอง นอกจากนี้จะยังเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
เพื่อที่จะไปศึกษาในบทเรียนต่อไปหรือต้องกลับไปศึกษาเนื้อหาใหม่
สรุปและนำไปใช้
(Review and Transfer)
การสรุปและนำไปใช้ จัดว่าเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนสุดท้ายที่บทเรียนจะต้องสรุปมโนคติของเนื้อหา
เฉพาะประเด็นสำคัญๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทบทวนความรู้ของตนเองหลังจากศึกษา
เนื้อหาผ่านมาแล้ว ในขณะเดียวกัน บทเรียนต้องชี้แนะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือให้ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม
เพื่อแนะแนวทางให้ผู้เรียนได้ศึกษาต่อในบทเรียนถัดไป หรือนำไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นต่อไป
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ (Dick and Carey model)
1. การกำหนดเป้าหมายของการสอน (Identify Instructional
Goals) เป็นการกำหนดความมุ่งหมายการสอน ซึ่งต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายทางการศึกษา
วิเคราะห์ความจำเป็น (Needs Analysis) และวิเคราะห์ผู้เรียน
2. ดำเนินการวิเคราะห์การเรียนการสอน
(Conduct Instructional Analysis) เป็นการวิเคราะห์ภารกิจ
หรือวิเคราะห์ขั้นตอนการดำเนินการสอน ผลการวิเคราะห์การสอนที่ได้ จะเป็นการจัดหมวดหมู่ของภารกิจ
(Task Classification) ตามลักษณะของจุดมุ่งหมายการสอน
3.
กำหนดพฤติกรรมก่อนเรียนและลักษณะผู้เรียน
(Identify Entry Behaviors, Characteristics) การศึกษาพฤติกรรมเบื้องต้นและคุณลักษณะของผู้เรียน (Identify
EntryBehaviors) ว่าเป็นผู้เรียนระดับใด
มีพื้นความรู้มากน้อยเพียงใด
4. เขียนจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม (Write
Performance Objective) เป็นจุดมุ่งหมายเฉพาะหรือจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม
และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายการสอน เพื่อช่วยให้มองเห็นแนวทาง
การเรียนการสอน เป็นแนวทางในการวางแผนการจัดสภาพแวดล้อมการเรียน
ช่วยให้เห็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบ ช่วยผู้เรียนให้เรียนอย่างมีจุดมุ่งหมาย
5. พัฒนาข้อสอบอิงเกณฑ์ (Develop Criterion –
Referenced Test Items) เป็นการสร้างแบบทดสอบแบบ อิงเกณฑ์ เพื่อประเมินการเรียนการสอน
6.
พัฒนายุทธวิธีการสอน (DevelopInstructional Strategies)
เป็นแผนการสอนหรือเหตุการณ์การสอน ที่ช่วยให้ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามจุดมุ่ง หม
7. พัฒนาและเลือกวัสดุการเรียนการสอน (Develop and Select
Instructional Materials) เป็นการพัฒนาและเลือกสื่อ การเรียนการสอนทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโสตทัศน์
8. ออกแบบและดำเนินการประเมินเพื่อการปรับปรุง (Design and Conduct
Formative Evaluation)
9. การปรับปรุงการสอน (Revise
Instruction)
10.
การออกแบบและดำเนินการประเมินระบบการสอน (Design and Conduct Summative
E valuation) เป็นขั้นการแก้ไขและปรับปรุงการสอน
ตั้งแต่ขั้นที่ 2 ถึงขั้นที่ 8
แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย
(Ger
lach and Ely Model)
1. การกำหนด เป็นการกำหนดว่าต้องการให้ผู้เรียน
ได้รู้อะไร แค่ไหน อย่างไร
2. การกำหนดเนื้อหา (Specify Content)
เป็นการกำหนดว่าผู้เรียน ต้องเรียนอะไรบ้างจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมาย
ที่ตั้งไว้
3. การวิเคราะห์ประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
(Analyze Learner Background Knowledge) เป็นการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบ ความสามารถพื้นฐานของผู้เรียน
4. เลือกวิธีสอน (Select
Teaching Method) ทำการเลือกวิธีสอนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย
5. กำหนดขนาดของกลุ่ม (Determine Group
Size) เลือกว่าจะสอนเป็นกลุ่มย่อยหรือกลุ่มใหญ่อย่างไร
6. กำหนดเวลา (Time Allocation) กำหนดว่าจะใช้
ในการสอนมากน้อยเพียงใด
9. ประเมินผล (Evaluation) การสอนตรงตามจุดมุ่งหมายหรือไม่
10. วิเคราะห์ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุงแก้ไข (Analyze
Feedback for Revision) เป็นการวิเคราะห์ว่าถ้าการสอนไม่ได้ผลตามจุดมุ่งหมายจะปรับปรุงแก้ไขตรงไหน
อย่างไร
ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน
1. ปัญหาด้านทิศทาง (Direction)
- ผู้เรียนไม่ทราบว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร
- ไม่รู้ว่าจะต้องเรียนอะไร
- ต้องสนใจจุดไหน
2. เกิดขึ้นกับทั้งผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะมีปัญหา เช่น จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่
วิธีที่ใช้อยู่ใช้ได้ผลดีไหม ถ้าจะปรับปรุงเนื้อหาจะปรับปรุงตรงไหน
จะให้คะแนนอย่างยุติธรรมได้อย่างไร ผู้เรียนจะมีปัญหา เช่น ฉันเรียนรู้อะไรบ้าง
จากสิ่งนี้ ข้อสอบยากเกินไป
ข้อสอบกำกวม
3. ปัญหาด้านเนื้อหาและการลำดับเนื้อหา (Content and
Sequence)
ครูอาจสอนเนื้อหาที่ไม่ต่อเนื่องกัน
เนื้อหายากเกินไป เนื้อหา
ไม่ตรงกับจุดมุ่งหมาย เนื้อหาไม่สัมพันธ์กัน
ส่งผลให้ผู้เรียน
เกิดความไม่เข้าใจ
และสับสนในเนื้อหาที่เรียน ฯลฯ
4.
ปัญหาด้านวิธีการ (Method)
การสอนหรือวิธีสอนของครูอาจทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากเข้าห้องเรียน
มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเรียน หรือปัญหาการสอนที่ไม่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้
5. ปัญหาข้อจำกัดต่าง ๆ (Constraint)
การสอนหรือการฝึกอบรมนั้นต้องใช้แหล่งทรัพยากร 3 ลักษณะ คือ
บุคลากร
ครูผู้สอน และสถาบันต่าง ๆ
- บุคลาการที่ว่านี้อาจจะเป็นวิทยากร ผู้ช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น
พนักงานพิมพ์ ผู้ควบคุมเครื่องไม้เครื่องมือ
หรืออื่น ๆ
- สถาบันต่าง ๆ หมายถึง แหล่งที่เป็นความรู้
แหล่งที่จะให้ความ
ร่วมมือสนับสนุนต่าง
ๆ อาจเป็นห้องสมุด หน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น
ประโยชน์ของการออกแบบการสอน
1. ชวยให้จัดทำหลักสูตรวิชาชีพทุกสาขาวิชาง่ายขึ้น
2. ช่วยให้ครูและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
3. ช่วยให้นักเรียนมีความตั้งใจ สนุกกับเนื้อหา เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
4. ช่วยให้จัดทำสื่อการเรียนการสอนได้ถูกต้องเหมาะสมตาม
ความต้องการของผู้เรียน และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ช่วยให้ผู้ที่สนใจเกิดแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาและออกแบบการ
เรียนการสอนให้เหมาะสมกับเนื้อวิชาและผู้เรียน
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น